ประสบการณ์เอ็นไขว้หน้าขาด ตอนที่ 3
หายไปนานหน่อย ขออภัยนะคะ แหะๆ มาเล่าต่อแล้วนะถึงตอนผ่าตัด ลองดูนะคะ
ถีงเวลาขึ้นเขียง
จากวันที่เจอคุณหมอมาจนวันนัดผ่า ประมาณเกือบๆเดือนที่ให้นิหน่ากลับไปทำใจ จริงๆแล้วนิหน่าไม่ได้กลัวอะไรเลยนะ คิดว่าก็ผ่าคลอดมาแล้วสองคน ผ่าไส้ติ่งก็เคย ผ่าเข่าก็คงเหมือนกัน เลยชิลมาก แค่พยายามทำตามที่คุณหมอบอกเรื่องฟิตกล้ามเนื้อต้นขาขึ้นมา ให้มีทุนเอาไว้ก่อนผ่า แหมแต่เอาจริงๆ เราก็ไม่ใช่นักกีฬาอาชีพ กล้ามเนื้อต้นขาไม่ได้มีให้ฝ่อมากอยู่แล้ว ส่วนใหญ่น่าจะไขมันมากกว่า แฮ่...
ความพีคมาอยู่ที่วันสองวันก่อนผ่า นิหน่าคิดว่าอยากเขียน Blog เอาไว้เพื่อเป็นความรู้ให้กับคนอื่นๆในเรื่องของการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้า เลยไปหาข้อมูลในเนตมาอ่าน อ่านไปเริ่มรู้สึกกลัว มีคนบอกมันปวดมาก ปวดจนต้องร้องขอยา บางคนบวมมาก เป็นนู่นนี่นั่น ยิ่งอ่านยิ่งนอย...
ประสบการณ์เอ็นไขว้หน้าขาด ตอนที่ 2
เตรียมพร้อมก่อนผ่าตัด
กลับมาบ้าน มานั่งปรึกษาครอบครัวและคิดว่า ควรจะผ่า นิหน่าเลยหาข้อมูล และนึกขึ้นได้ว่ามีคุณหมอท่านนึงที่นิหน่าเคยได้ยินชื่อบ่อยๆจากเวลาที่อ่านข่าวกีฬา และคุณหมอเคยรักษาอาการบาดเจ็บของน้องเม เอรียา จุฑานุกาล นิหน่าเลยตัดสินใจโทรไปหาคุณแม่เปิ้ล คุณแม่น้องโมน้องเมเพื่อสอบถามเรื่องคุณหมอ ซึ่งน้องเมก็แนะนำให้ไปหาคุณหมอโต้ง พรเทพ ม้ามณี ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ นิหน่าเลยตัดสินใจไปหาเช้าวันรุ่งขึ้นเลย ได้รู้กันไปว่ายังไงต่อดี
วันรุ่งขึ้นก็ตื่นเช้าไปที่สถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกายกรุงเทพ (Basem) ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ตอนเดินเข้าไป เห็นแต่เสื้อบอลพร้อมลายเซ็น นักกีฬาดังๆทั้งนั้น เราก็คิดว่า โอเค เรารอดละ 5555 ที่นี่ฟีฟ่ารับรองด้วย เริ่มสบายใจว่ามาถูกที่แน่ๆ
พอเจอคุณหมอพรเทพ ม้ามณี...
ประสบการณ์ เอ็นไขว้หน้าเข่าขาด ตอนที่ 1
ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดกับเรา
หลายๆท่านคงเห็นว่านิหน่าเพิ่งผ่าตัดเข่ามา เป็นผ่าแบบส่องกล้องค่ะ เพื่อรักษาเส้นเอ็นไขว้หน้าเข่า นิหน่าเลยอยากเรียบเรียงมาเล่าให้ได้ฟังกันทั้งอาการ ทั้งการรักษา และการกายภาพ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านบ้าง
สาเหตุเกิดจากเมื่อตอนที่นิหน่าไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงเดือนธันวาที่ผ่านมา แล้วก็ประสบอุบัติเหตุ ลื่นล้ม ทำให้เข่าบิด ตอนล้มได้ยินเสียง กึก ในหัวเลย จำได้ว่านอนมองฟ้าอยู่แป๊ปนึง แล้วคิดว่า “ขาหักหรือเปล่า?” แต่พอขยับๆขาดูก็ขยับได้ ไม่เจ็บเท่าไหร่ พอลุกขึ้นมา ความรู้สึกตอนนั้นคือ เหมือนขามันแยกเป็นท่อนบนท่อนล่าง มันกึกๆ พอแน่ใจวไม่หัก เลยลองขยับๆเขย่าๆดู เหมือนที่เห็นนักบอลในสนามบอลทำกัน แล้วมันก็รู้สึกดีขึ้น เลยลองลงน้ำหนัก ก็ลงได้...
Happy 5th Birthday My Patrick :)
ย้อนกลับไปเช้าวันที่ 22 สิงหาคม 2012 แม่ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ทั้งๆที่หมอนัดที่โรงพยาบาลเจ็ดโมงเช้า และโรงพยาบาลอยู่ใกล้คอนโดมากแบบเดินไปห้านาทีก็ถึง แต่ก็ตื่นมา เพราะรู้ว่าชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แสงอาทิตย์แรกตอนเช้าของวันนั้น สวยกว่าทุกวันจนแม่ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ และจำจนทุกวันนี้
แพทริกเกิดมาเป็นลูกชายคนโต หลานคนแรกของบ้าน เกิดมาตัวเหี่ยวๆ แต่แล้วก็ฟูขึ้นทุกวันเหมือนสูบลม แพทเป็นเด็กน่ารัก เลี้ยงไม่ยากอย่างที่คิด มายากหน่อยก็ตอนสองสามขวบ ที่แม่ต้องใช้สารพัดวิชามาใช้กับแพท แต่เราก็ผ่านมันมาได้
ช่วงแพทสี่ขวบมาจนวันนี้ แม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากมาย เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่แพทชอบ ได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ เห็นพัฒนาการที่แพทเติบโตขึ้นทุกวัน เป็น my little gentleman...
ปกครองลูกแบบแม่ และเข้าใจลูกแบบเพื่อน
มีหลายบ้านใช้สูตรเลี้ยงลูกแบบเพื่อน
มีคุณหมอเคยแนะนำว่ามันก็ไม่ถูกซะทีเดียว
เพราะลูกควรเห็นเราเป็นแม่ เป็นผู้ปกครอง
ที่ให้ความเคารพนับถือ ไปพร้อมๆกับ
การเห็นแม่เป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด
นิหน่าเลยพยายามปกครองลูกโดยเป็นแม่
แต่ในขณะเดียวกัน พยายามเข้าใจเขา
เล่นกับเขา และมองโลกในมุมที่เป็นเพื่อนกับเขา
ปกครองแบบแม่ คือ เมื่อแม่เตือน ลูกต้องฟัง
เมื่อแม่บอกว่าไม่ คือ ไม่ ไม่ต้องพูดกันเยอะ
เข้าใจแบบเพื่อนคือ ยามเขาสับสน เสียใจ
เรามีหน้าที่รับฟัง และเข้าอกเข้าใจ
ไม่ตัดสิน และไม่ต่อว่า
ลองนึกภาพยามเราเจอปัญหา
การมีเพื่อนสักคนเข้าใจเรา รับฟังเรา
ทำให้เรารู้สึกดีแค่ไหน
แล้วนี่หากคนที่เป็นแม่ คนที่เขารักและไว้ใจ
สามารถรับฟังเขาได้ทุกเรื่องโดยไม่ตัดสิน
ไม่โวยวาย ไม่ต่อว่า แต่ช่วยกันมองหาทางออก
และแก้ปัญหาไปด้วยกันด้วยความเข้าใจ
มันคงจะดีมาก
ถ้าเราคือคนแรกที่ลูกนึกถึงยามมีปัญหา
ไม่ใช่ไปหลบซ่อนความผิดแล้วไปหาทางออกกันเอง