เนื่องจากตัวเองเป็นคนชอบเที่ยวมาก การท่องเที่ยวเป็นเหมือนการชาร์ตพลังให้ชีวิต
กลับมามีแรงในการทำงานในแต่ละวันอีกครั้ง พอมีครอบครัว นิหน่ากับแบงค์คุยกันว่า
เราจะหาโอกาสไปเที่ยวในประเทศกันทุกเดือน และพอมีลูก เราก็ยังรักที่จะท่องเที่ยว
แต่การท่องเที่ยวของเรา อาจจะโดนปู่ย่าตายายบ่นบ้างว่า จะเอาลูกไปด้วยทำไม
เค้ายังไม่รู้เรื่อง ซึ่งนิหน่ากับแบงค์เถียง(ในใจ)แบบขาดใจ เพราะเราเชื่อว่า แม้โตขึ้น
ลูกอาจจะจำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อย ความสุขในปัจจุบันที่เรามีกัน ไปด้วยกัน มันคือ
ความสุขที่จับต้องได้ มันคือรอยยิ้มที่เราได้ยิ้มให้กัน และในภาพที่เราถ่ายกันมา
พอโตขึ้น เราจะกลับมาเล่าให้ลูกฟังได้ว่า เค้าสนุกมากแค่ไหน
มีคนมาปรึกษาบ้างเหมือนกันว่า ถ้าจะพาลูกไปด้วยต้องอายุเท่าไหร่ ไปไหนดี ต้องพกอะไรไปบ้าง
นิหน่าอยากจะแนะนำว่า เรื่องอายุของลูกคงต้องแล้วแต่บ้านเลยว่า คิดว่าตัวเองHappy
และมีความสามารถในการดูแลลูกวัยไหนมากกว่ากัน เช่นนิหน่า ตอนลูกคนแรก ทุกอย่างใหม่มาก
ใหม่ทุกสิ่ง ไม่กล้าพาไปไหนมาก แพทเลยได้ไปต่างประเทศครั้งแรกตอน 1 ขวบ 3 เดือน
คือเริ่มรู้เรื่องแล้ว แต่สำหรับคนที่สอง น้องริต้า เรามีความมั่นใจในการดูแลมากขึ้น คิดว่า
สามารถรับมือได้แล้ว ก็เลือกจะพาริต้าไปเที่ยวญี่ปุ่นตอนอายุ 6 เดือน พาไปพร้อมกับพี่แพทเลยล่ะ
ข้อดีของการพาลูกเล็กไปเที่ยวคือ ไปไหนไปกัน ไม่ค่อยเรื่องเยอะเรื่องมาก มีแต่ของจะเยอะ
ไปสักหน่อยแค่นั้น แต่ถ้าเด็กโตหน่อย รู้เรื่อง ก็จะเรื่องเยอะขึ้น จะไปอันนู้นไม่ไปอันนี้
จะวิ่งไปนู่นไปนี ให้พ่อแม่ปวดหัววิ่งตามกันเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องจะไปไหนดี อยากแนะนำว่า ถ้าในประเทศก็ไม่ต้องไปที่นั่งรถนานมากๆ แบบนั่งรถจาก
กรุงเทพที5-6ชั่วโมงก็คงไม่ไหว นั่งรถประมาณ2-3ชั่วโมงจะกำลังดี และต้องเตรียมฝึกลูก
ให้นั่งคาร์ซีทด้วยนะคะ สำคัญมากๆเวลาไปไหนด้วยรถยนต์ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล
หรือจะลองนั่งเครื่องไปเที่ยวก็สะดวกอยู่ เพียงแต่ต้องวางแผนรับมือเวลาลูกอยู่บนเครื่องบินดีๆ
สำหรับนิหน่า นิหน่าซ้อมกันตั้งแต่ที่บ้านเลยค่ะ เวลาจะพาขึ้นเครื่อง บอกเลยว่าขึ้นเครื่องบินไปเที่ยว
ถ้าอยากไปเที่ยวต้องนั่งให้เรียบร้อย ไม่ส่งเสียงดัง คาดเบลท์ ให้เค้าท่องจนขึ้นใจ
สำหรับใครที่ลูกเล็ก ก็เตรียมนม เตรียมจุกหลอก ของเล่นไปให้พร้อม เครื่อง Take off Landing
ให้ป้อนนมเลยค่ะ หูเค้าจะได้ไม่เจ็บ ถ้าเด็กโตเลิกนมแล้ว ให้เอาวิตามินซีเม็ดๆ หรือ
พวกวิตามินกัมมี่ให้เค้าเคี้ยว จะช่วยลดการปวดหูได้ค่ะ และเรื่องของการเลือกไฟล์ทบิน
ถ้าไปต่างประเทศ นิหน่าจะเลือกไฟล์ทกลางคืน เพราะขึ้นไปก็นอนเลย จะดีกว่าไปกลางวัน
ที่ลูกมีพลังอยากเล่น พ่อแม่ก็อาจจะเหนื่อยหน่อย
ส่วนเรื่องการเตรียมของ เตรียมของไปให้ครบดีกว่าขาดนะคะ จดทำเป็นลิสต์แล้วจัดตามนั้น
สำหรับใครที่มีลูกเล็ก ขี้เกียจพกเครื่องนึ่งไป แนะนำให้ไปหาซื้อเม็ดฟู่ฆ่าเชื้อ ที่ตอนนี้
mothercare เอามาขายแล้ว ลองไปถามพนักงานเค้าดูก็ได้ค่ะ ใช้ 1 เม็ดต่อน้ำ 5ลิตร
แช่ขวดนม อุปกรณ์ต่างๆของลูก ประมาณ20นาที แล้วก็นำมาใช้ได้เลย ไม่ต้องล้างอีก
เม็ดฟู่ละลายน้ำ 1 เม็ดใช้ได้24ชั่วโมงเลยค่ะ
ส่วนใครที่ยังปั๊มนมแม่ ตามโรงแรมต่างๆจะมีให้ฝากนมแม่แช่ไว้ได้ เพราะตู้เย็นในห้อง
อาจไม่เย็นพอ อย่างล่าสุด นิหน่าพกกระติกใส่น้ำแข็งใบใหญ่ไปหนึ่งใบ ขอน้ำแข็งจากโรงแรมมา
เอาไว้แช่นมที่ปั๊มออกมาแล้ว พอสะสมได้ประมาณ3ถุง ก็ฝากแช่ทีเดียว แล้วพอเช็คเอ้าท์
ก็ค่อยขอมาแพคกลับบ้าน ข้อสำคัญคือเวลานมสต๊อกล๊อตที่ไปเที่ยวนั้น พอกลับบ้านมา
นิหน่าจะเอามาใช้ก่อนนมสต๊อกล๊อตปกติเสมอ
การท่องเที่ยวกับลูก หากมีการวางแผนที่ดี นิหน่าเชื่อว่ามันไม่ได้เหนื่อยไม่ได้ยากเกินไป
และเราก็จะได้เปิดโลกกว้างให้กับลูก ได้มีความสุข มีรอยยิ้มร่วมกัน ทุกครั้งที่ไปเที่ยว
ลูกจะได้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้ทำอะไรใหม่ๆ เป็นการทำให้เค้าได้เติบโตขึ้นไปอีกขั้น
มาวางแผนพาลูกไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ 🙂
xx
Nina
เป็นแม่ลูก2เหมือนกันค่ะ ชอบตะลอนเที่ยวเช่นกันค่ะ ลูก2คนห่างกัน2ปีครึ่ง ทริปแรกที่ไปพร้อมกัน4คนลูกสาวคนเล็กเพิ่งอายุได้เดือนเดียวเองค่ะ ไปนอนกางเต้นท์กันที่เขาค้อ สนุกมาก สัมภาระเต็มรถเลยค่ะทั้งของพี่ของน้อง ไปไหนทีจนคนอื่นนึกว่าย้ายบ้าน จนเดี๋ยวนี้พี่ชาย6ขวบ น้องสาว4ขวบแล้ว ก็ยังพากันเที่ยวเหมือนเดิมค่ะทั้งขึ้นเขา ไปทะเล ทริปผจญภัยไปมาหมดทุกรูปแบบเลยค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศค่ะ ขอเที่ยวในประเทศก่อนนะคะ จะชอบขับรถไปกันเองค่ะไกลสุดประมาณ10ชม. ขับไปเรื่อยๆ แวะเกือบตลอดทาง แฮปปี้มากค่ะเปิดโลกให้เด็กๆได้เรียนรู้ด้วย
ไปเที่ยวกับลูกก็มีความสุขไปอีกแบบเนอะ ^^
กำลังแพลนจะพาไปเที่ยวฮ่องกงปลายปีนี้ครับ ช่วงสงกรานต์พาลูก1.2ขวบไปโตเกียวครั้งแรก นั่งเครื่องบินคุณแม่ทรมานมากๆเลย(นั่งตัก)
แหะๆ คุณแม่สู้ๆค่ะ