มีคนถามอีกละว่าผ่าคลอดน่ากลัวไหม ทำไมไม่คลอดธรรมชาติ เราว่าจริงๆคลอดธรรมชาติก็ดีอยู่แล้วล่ะ แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัว เราเลือกผ่าคลอด แม้ว่าชีวิตนี้จะไม่เคยขึ้นเขียงผ่าตัดใดๆมาก่อน แต่เราเองก็ไม่กลัวเลยนะ ความอยากเห็นหน้าลูกมันมีมากกว่า
เช้าวันผ่า อาจารย์สันเกียรติ คุณหมอที่ดูแลเรามาตลอด9เดือนนัดเราไปแต่เช้า ไปเตรียมตัว ไปให้น้ำเกลือ เราต้องงดอาหารและน้ำไปตั้งแต่เที่ยงคืน และหลังผ่าก็ต้องงดอีก12-18ชั่วโมง น้ำเกลือจะทำให้เราไม่เพลีย ไม่หิวมาก ไปถึงโรงพยาบาล7โมง ผ่า 11โมง ตอนสัก10โมงนี่แทบอยากโทรตามหมอละว่าผ่าเลยเถอะ ไม่อยากรอแล้ว ตื่นเต้น
10.30 เค้าก็มารับไปที่ห้องผ่าตัด ไฮไลท์ที่คนชอบถามมามากมันอยู่ตรงการบล็อกหลัง คุณหมอที่มาดูเรื่องการบล็อกหลังให้เราคือคุณหมออุษณีย์ ซึ่งใจดีมากกกก อธิบายเราเป็นขั้นตอน มือเบา ใจเย็น หมอจะให้เรางอตัวให้ได้มากที่สุด เพื่อฉีดยาชา ใส่สายที่บล็อกหลัง ถามว่าเจ็บไหม ไม่เจ็บนะ เหมือนมดกัดนิดเดียว หลังจากนั้น พอยาเข้าไปมันจะเย็นวาบๆที่ต้นขา ช่วงนี้หมออุษณีย์จะบอกเราตลอด ว่ามันจะมีอาการเป็นแบบนี้นะ จะแปล๊บเหมือไฟช๊อตนิดนึง และจะค่อยๆชา จะชาถึงส่วนอก เราจะรู้สึกหนักๆหน่อย และอาจมีอาการคลื่นไส้ ถ้าคลื่นไส้มากให้บอก หมอจะมียาให้ ซึ่งสักแป๊ปมันก็คลื่นไส้จริงๆ พอหมอให้ยาแป๊ปนึงก็ดีขึ้น
มาถึงช่วงสำคัญ ตอนนี้ห้องผ่าตัดคึกคักมาก มีคุณหมอสันเกียรติที่จะเป็นคนผ่าตัด คุณหมอสุบรรณที่เป็นหมอเด็กมารอรับเด็กที่จะเกิดมา พยาบาลอีกหลายคน ตอนหมอผ่า หมอบอกว่าจะเริ่มแล้วนะครับ แต่เราไม่รู้สึกอะไรเลย นอนมองนาฬิกา และรอฟังเสียงลูก เพื่อนที่คลอดก่อนบอกมาว่า ถ้ามีแรงกดแรงๆ3ครั้ง แสดงว่าลูกกำลังจะออกมาแล้ว ช่วงนั้นอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหล คือ มันไม่ได้กลัวนะ แต่มันตื่นเต้นบวกกับตื้นตัน สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มันยิ่งใหญ่มากๆในความรู้สึกของผู้หญิง
สักแป๊ปก็ได้ยินเสียงร้อง อุแว้ๆ แบงค์ที่นั่งจับมือเราอยู่ ลุกตามเสียงไปเลย ทิ้งภรรยาเลย 555 ตามไปดูคุณหมอสุบรรณกับพยาบาลเอาแพทไปชั่งน้ำหนัก วัดความยาว ทำความสะอาดตัว แบงค์มาอวดด้วยความภูมิใจว่า ได้ช่วยเช็ดไขบนตัวลูกด้วยนะ
เราเองพยายามชะเง้อดูหน้าลูก ทั้งๆที่หมอยังต้องเย็บแผลอีก ตอนนั้นรู้สึกว่า ไม่อยากรอเลยสักนาที อยากเห็นหน้าเค้ามากๆ สักแป๊ปหมอก็พามา แพทตัวขาวมากกกก แว่บแรกที่เห็นรู้สึกรักเค้าเลย เป็นคนแปลกหน้าสองคนมาเจอกัน แต่รักไปหมดใจแล้วเลยล่ะ
หลังจากนั้นเค้าก็พาแพทไปอยู่ที่ห้องเด็ก เราก็หลับไป ปล่อยให้หมอเย็บแผล ตื่นมาอีกทีที่ห้องพักฟื้น ตอนนั้นคิดแต่ว่า อยากกลับห้องเร็วๆ อยากเห็นหน้าลูก
อาการหลังผ่า ถามว่าเจ็บไหม มันก็มีปวดแผลบ้าง ประมาณวันที่2 แต่แบบทนได้ หมออุษณีย์วางแผนการให้ยาไว้ดีมากๆ ค่อยๆลดยาแก้ปวดลง พอวันที่3ก็ทานแค่ไทลินอลลดอาการปวดได้แล้ว สำคัญที่การขยับตัว ต้องหมั่นขยับ พลิกตัวซ้ายขวา พอถอดสายปัสสาวะก็ต้องพยายามลุกเดิน เราเองถอดสายปุ๊ปเดินเลย อัดอั้นมาก ปกติเป็นไม่ชอบอยู่นิ่งๆอยู่แล้ว
ถามว่าอะไรทรมานที่สุด คือการไม่ได้กินข้าว 36ชั่วโมง หิวมากกกก ใครบอกว่าให้น้ำเกลือแล้วจะไม่หิว อิชั้นจะแทะเตียงอยู่แล้วค่า
สรุปว่าประสบการณ์ผ่าคลอดไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ประทับใจอาจารย์หมอทั้ง3คนมากๆ ทั้งอาจารย์สันเกียรติ อาจารย์อุษณีย์ และอาจารย์สุบรรณ รวมถึงพี่ๆพยาบาลที่รพ.สมิติเวช ที่ดูแลเราดีมากๆ สอนเรื่องการให้นม การดูแลน้องแพทดีมากๆด้วย มีลูกอีกคนก็คงกลับไปหาทีมเดิมนี่แหละ ^^